2 มีนาคม 2551

“ชวนม่วนชื่น”

ขอนำเรื่องหนึ่งจากหนังสือ ชวนม่วนชื่น ธรรมะบรรเทิงหลายเรื่องเล่า โดย พระอาจารย์พรหม แปลโดย คุณศรีวรา อิสสระ มาเล่าให้ฟังกัน
ก้อนอิฐที่ไม่เข้าที่เข้าทางสองก้อน

หลังจากการซื้อที่ดินเพื่อสร้างวัดเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๖ นั้น เราก็หมดตัวและเป็นหนี้โดยที่ยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างใด ๆ แม้แต่เพิงที่อาศัยได้บนที่ดินผืนนั้น ในช่วงสองสามอาทิตย์แรก เราต้องอาศัยนอนอยู่บนบานประตูเก่า ๆ ที่ซื้อมาถูก ๆ จากคนขายของเก่า เราหนุนบานประตูเก่า ๆ นั้นให้สูงขึ้นจากพื้นดินด้วยก้อนอิฐ (เราไม่มีแม้แต่เบาะนอน นั่นก็เป็นของแน่อยู่แล้ว เพราะว่าเราเป็นพระป่านี่)

ท่านเจ้าอาวาสได้บานประตู่ที่ดีที่สุด เป็นบานประตูเรียบ ๆ ส่วนบานประตูของอาตมาเป็นชนิดที่มีบัว แถมยังมีรูขนาดใหญ่พอควรอยู่ตรงกลางตรงบริเวณที่เคยเป็นลูกบิด โชคดีนะที่เขาถอดลูกบิดออกไปแล้ว แต่เจ้ารูนี่ก็ยังคงอยู่เกือบจะกลางเตียงประตูของอาตมาทีเดียว อาตมาเคยพูดตลก ๆ ว่า อาตมาไม่ต้องลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำหรอกนะ! ความจริงที่แสนหนาวก็คือว่า ลมสามารถพัดกรูผ่านเจ้ารูนี่มาถึงตัวอาตมา ทำให้อาตมาไม่ค่อยได้หลับได้นอนในช่วงค่ำคืนเหล่านั้น

พวกเราเป็นพระจน ๆ ที่ต้องการอาคารที่พักอาศัย แต่ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะจ้างช่างก่อสร้างได้ แค่ค่าวัสดุต่าง ๆ ก็แพงเกินพอแล้ว อาตมาจึงต้องเรียนรู้ว่าเขาทำงานก่อสร้างกันอย่างไร ตลอดจนถึงการผสมคอนกรีต การก่ออิฐ การตั้งหลังคา งานประปา และทุก ๆ อย่าง ก่อนจะบวชอาตมาเคยเป็นนักฟิสิกส์และเป็นครูโรงเรียนมัธยม ผู้ไม่คุ้นเคยกับการใช้แรงงานด้วยมือทั้งสองนี้ เพียงไม่กี่ปีอาตมากลายเป็นช่างก่อสร้างที่มีฝีมือไม่เบา ขนาดที่จะสามารถเรียกคณะทำงานของอาตมาได้ว่าบริษัทพุทธก่อสร้าง (BBC-Buddhist Building Company) แต่ขณะที่เริ่มต้นนั้นมันช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญเอามาก ๆ

การก่ออิฐอาจจะดูเป็นเรื่องง่าย ๆ เพียงแค่โปะปูนลงไปแล้ววางก้อนอิฐ แตะด้านนี้ที ด้านนั้นทีให้เข้าที่ ตอนอาตมาเริ่มก่ออิฐใหม่ ๆ อาตมาแตะกดมุมหนึ่งลงเพื่อให้ได้ระดับ อีกมุมหนึ่งกลับยกขึ้น พออาตมากดด้านที่ยกขึ้นนั้นให้ลงมา อิฐก็เริ่มแตกแถวแตกแนว หลังจากที่อาตมาดันมันให้กลับเข้าที่ มุมแรกก็เริ่มสูงเกินไปอีกแล้ว โยมลองทำดูสิ!

เพราะอาตมาเป็นพระ อาตมาจึงมีความอดทนและมีเวลาที่จะทำงานได้โดยไม่จำกัด อาตมาจึงทำงานอย่างประณีตที่สุด โดยไม่สนว่าจะต้องใช้เวลายาวนานเท่าใด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอิฐทุก ๆ ก้อนจะถูกวางไว้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ในที่สุดการก่อกำแพงอิฐแผงแรกของอาตมาก็สำเร็จลง อาตมาก้าวถอยออกมายืนชื่นชมผลงาน ในชั่วขณะนั้นแหละที่อาตมาสังเกตเห็น ...โอ้ย!... อาตมาก่ออิฐพลาดไปสองก้อน อิฐก้อนอื่น ๆ เป็นแถวเป็นแนวสวยงาม มีแต่เจ้าอิฐสองก้อนนี่แหละที่เอียง ๆ ทำมุมกับแนวอิฐก้อนอื่น ๆ มันดูแย่มาก ๆ เลย มันทำให้กำแพงทั้งแผงดูไม่ดีเลย

ขณะนั้นปูนก่ออิฐก็แข็งเกินกว่าที่จะสามารถดึงอิฐออกมาก่อใหม่เสียแล้ว อาตมาจึงกราบเรียนท่านเจ้าอาวาส ขอทุบกำแพงเพื่อเริ่มต้นก่ออิฐใหม่อีกครั้ง หรือถ้าจะให้ดีก็อยากจะระเบิดมันทิ้งไปเลย อาตมาก่ออิฐไม่ดี และอาตมาก็รู้สึกอับอาย ท่านเจ้าอาวาสไม่อนุญาตให้รื้อ กำแพงนี้จะต้องคงอยู่

เวลาอาตมาพาแขกมาเยี่ยมชมวัดที่เริ่มตั้งใหม่ของเรา อาตมาพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพาแขกเดินไปทางกำแพงนั้น อาตมาไม่อยากให้ใคร ๆ เห็นมันเลย จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไปได้สามสี่เดือน ขณะที่อาตมากำลังเดินอยู่กับผู้มาเยี่ยมวัดคนหนึ่ง เขาสังเกตเห็นกำแพงนั้น แล้วก็เปรยขึ้นมาว่า “กำแพงนี่สวยดี”

อาตมาถามเขาด้วยความประหลาดใจว่า “คุณลืมแว่นสายตาของคุณไว้ในรถหรือเปล่า? สายตาคุณเสื่อมหรือเปล่า? คุณไม่เห็นหรือว่ามีอิฐถึงสองก้อนที่วางไม่ดีจนทำให้กำแพงนี้เสียหายหมด?”

คำพูดที่เขาตอบอาตมานั้นได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติทั้งหมดของอาตมาต่อกำแพงนั้น ต่อตัวอาตมาเอง และต่อหลาย ๆ แง่มุมของชีวิต เขาบอกอาตมาว่า “ใช่ ผมเห็นอิฐที่วางไม่ดีสองก้อนนั้น แต่ผมก็ได้เห็นด้วยว่ามีอิฐอีก ๙๙๘ ก้อน ก่อไว้อย่างสวยงามเป็นระเบียบ”

อาตมาถึงกับอึ้งทีเดียว นับเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนที่อาตมาสามารถมองเห็นอิฐก้อนอื่น ๆ บนกำแพงนั้น นอกเหนือจากเจ้าสองก้อนที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นอิฐที่อยู่ด้านบน ด้านล่าง ด้านซ้าย และด้านขวาของเจ้าอิฐสองก้อนนั้น ล้วนแต่เป็นอิฐที่ก่อไว้อย่างดี ไม่มีที่ติ ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนอิฐที่ดีนี้มีมากกว่าเจ้าอิฐไม่ดีสองก้อนนั้นมากมายนัก ก่อนหน้านี้ ตาของอาตมาจับจ้องเฉพาะแต่ที่อิฐสองก้อนนั้น ตาของอาตมามืดบอดต่อสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมด อาตมาจึงไม่อาจทนมองกำแพงนั้นได้ และไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้เห็น กำแพงนั้นด้วย เป็นเหตุให้อาตมาอยากจะทลายกำแพงนั้นทิ้ง เดี๋ยวนี้เมื่ออาตมาสามารถเห็นอิฐดี ๆ แล้ว กำแพงนั้นก็ไม่น่าเกลียดอีกต่อไป มันก็เหมือนกับที่ผู้มาเยี่ยมคนนั้นพูด “กำแพงนี่สวยดี” เดี๋ยวนี้กำแพงนั้นก็ยังคงอยู่ แม้เวลาจะผ่านไป ๒๐ ปีแล้ว อาตมาเองก็ลืมเสียแล้วว่าเจ้าอิฐไม่ดีสองก้อนนั้นมันอยู่ตรงไหนแน่ อาตมาไม่สามารถเห็นจุดที่ผิดพลาดนั้นจริง ๆ

มนุษย์เราสักกี่คนที่ตัดสัมพันธ์หรือหย่าร้างเพียงเพราะเขาเพ่งมองเห็นแต่ “อิฐที่ไม่ดีสองก้อน” ที่อยู่ในตัวคู่ชีวิของเขา พวกเรากี่คนที่เคยรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง จนอาจจะเคยคิดฆ่าตัวตายเพียงเพราะเรามองเห็นแต่ “อิฐที่ไม่ดีสองก้อน” ในตัวของเรา ทั้ง ๆ ที่ ในความเป็นจริงมี “อิฐที่ดีและอิฐที่ดีจนไม่มีที่ติ” มากมายอยู่เคียงข้างส่วนบกพร่อง ไม่ว่าจะมองไปทางข้างบน ข้างล่าง ข้างซ้าย ข้างขวา เพียงแต่เรามองมันไม่เห็นนั้น แทนที่จะเห็นสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ สายตาของเรากลับเพ่งมองจดจ่อเฉพาะสิ่งที่ผิดพลาด ทั้งหมดที่เราเห็นมีแต่สิ่งผิดพลาด จนเราคิดอยากจะทำลายมันทิ้งเสีย มันน่าเศร้าจริง ๆ ที่หลายครั้งหลายหนเราได้ลงมือทลาย “กำแพงที่ดี” นั้นไปจริง ๆ

เราทุกคนย่อมมี ‘ก้อนอิฐที่ไม่เข้าที่เข้าทางสองก้อน’ แต่แต่ละคนก็ย่อมมี ‘ก้อนอิฐที่ดีจนไม่มีที่ติ’ จำนวนมากมายกว่าข้อบกพร่องหลายเท่า เมื่อเรามองเห็นมันแล้ว สิ่งต่าง ๆ ก็ดูจะไม่เลวร้ายนัก ไม่เพียงแต่เราจะสามารถอยู่กับตนเอง และข้อผิดพลาดบางประการของเราได้อย่างสงบสุขแล้ว เรายังสามารถมีความสุขกับการใช้ชีวิตร่วมกับสามีหรือภรรยาของเราด้วย นับว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับทนายความผู้เชี่ยวชาญเรื่องการหย่าร้าง แต่เป็นข่าวดีสำหรับโยม

อาตมาได้เล่าเรื่องสั้น ๆ นี้หลายครั้ง ช่างก่อสร้างคนหนึ่งที่ได้ฟังเรื่องนี้ ได้มาพบอาตมาบอกความลับเกี่ยวกับงานก่อสร้าง เขาบอกว่า “ช่างก่อสร้างอย่างเรา ๆ นี้ มักจะทำสิ่งผิดพลาดได้เสมอ เพียงแต่เราจะบอกลูกค้าของเรา ว่ามันเป็นเอกลักษณ์พิเศษที่ไม่มีบ้านใดในละแวกนั้นมีเหมือน แถมเรายังเบิกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสองสามพันเหรียญอีกด้วย”

ฉะนั้น มันเป็นไปได้ที่เอกลักษณ์พิเศษจะมีจุดเริ่มต้นมาจากความผิดพลาด ในทำนองเดียวกัน ถ้าเพียงแต่โยมจะเลิกมอง จดจ้องอยู่เฉพาะแต่ข้อผิดพลาด สิ่งที่โยมเห็นว่าเป็นข้อบกพร่องในตัวโยม ในตัวสามีหรือภรรยาของโยม และในชีวิตทั่ว ๆ ไป อาจจะกลับกลายเป็น ‘ลักษณะพิเศษเฉพาะตัว’ ที่จะเพิ่มคุณค่าให้แก่ชีวิตของโยม
ชวนอ่านทั้งเล่มในรูปแบบ pdf

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น